Millennials หรือเป็นอีกชื่อที่รู้จักกันดีของ Gen Y ในมุมหนึ่งพวกเขาก็กลายเป็นขุมพลังที่ขับเคลื่อนสำคัญของการทำงานในอนาคต ด้วยวิธีคิดนอกกรอบและวัยที่เต็มไปด้วยไอเดียกับความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งปัจจุบันพวกเขายังเป็นผู้บริโภคที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกอีกด้วย
Pew Research Center สำนักวิจัยสื่อที่สำรวจความคิดเห็นของสาธารณชนในสหรัฐฯ ได้ให้นิยามของ Millennials ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 22 และ 37 ปี เป็นกลุ่มคนที่เกิดหลัง Gen X แต่มาก่อน Gen Z โดย Customer Insight จะพาไปดูเหตุผลว่าทำไม Millennials หรือ Gen Y กลายเป็นเจเนอเรชั่นที่มีศักยภาพกว่าเจนเนอเรชั่นอื่น
-
รู้จักใช้เทคโนโลยี
คนยุคมิลเลนเนียลเติมโตขึ้นมากับอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความเข้าใจถึงการเลือกใช้ทรัพยากรเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แทนที่จะเรียนรู้วนลูปอยู่กับการทดลองเองและผิดพลาดซ้ำๆ คนรุ่นใหม่ที่ไม่รู้วิธีการทำงาน จะเลือกใช้ประโยชน์อย่างสื่อ YouTube และเรียนรู้วิธีการจากสิ่งนี้ผ่านสื่อใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
Millennials จึงสามารถใช้เทคนิคกับทรัพยากรอย่างพวกเทคโนโลยีให้เกิดประสิทธิภาพต่อการทำงานได้อย่างเต็มที่ เพราะพวกเขาใช้มันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น Google, Wikipedia, Application หรือเพียงแค่พวกเขาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาก็ตาม
-
หารายได้เสริมควบงานประจำ
คนยุคมิลเลนเนียลกำลังจะขึ้นมามีอำนาจทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะมาจากรายได้ในการเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงานหลัก หรือรายได้พิเศษจากอาชีพเสริม (side hustle)
มีตัวเลขที่แน่ชัดที่บอกได้ว่า Millennials มากกว่า 1 ใน 4 ที่ทำ side hustle และกำลังสร้างรายได้หลักจากงานเสริม ยอมทิ้งช่วง Vacation ลบคำสบประมาทว่าเจนเนอเรชั่นนี้เป็นเจนเนอเรชั่นเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อแห่งพวกขี้เกียจไปได้เลย
-
ให้ความสำคัญอย่างมากกับการผลิตผลงานที่มีคุณภาพสูง
ผลสำรวจล่าสุดโดย Microsoft พบว่าร้อยละ 93 ของผู้ตอบแบบสอบถามจาก Gen Y เชื่อว่า ผลิตภาพการผลิต (Productivity) คือกุญแจสู่ความสุข กล่าวคือ พวก คนยุคมิลเลนเนียล จะ Focus ในการสร้างสรรค์ผลงาน 1 ชิ้น แต่เป็น Masterpiece ที่สร้างมูลค่าได้มากกว่าผลงาน 100 ชิ้นแต่ไม่มีมูลค่า แทนที่จะมานั่งให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการทำงาน (Efficiency) แบบเก่าที่ 1 คนทำผลงานได้ 100 ชิ้นในระยะเวลา 1 เดือน แต่กลับมีผลงานดีแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น
-
คิดด้วยภาพกว้างและวางกลยุธก่อนสร้างผลงาน
เช่นเดียวกันผลสำรวจจาก Microsoft ยังพบอีกว่า ร้อยละ 92 ของ คนยุคมิลเลนเนียลเก็บลิสต์สิ่งที่ตัวเองต้องการทำแต่ไม่ได้ทำไว้ เพื่อช่วยให้พวกเขาลำดับความสำคัญสิ่งที่ต้องทำและกำหนด deadline และทำงานทุกอย่างได้ทันเวลา ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับโน้ต รวมถึงทำงาน ก็คือสมาร์ทโฟนนั่นเอง
-
ทะลายกำแพงระหว่างงานกับช่วงเวลาพักผ่อน
ในขณะที่พ่อแม่ของ คนยุคมิลเลนเนียล อย่าง Baby Boomer เชื่อว่าทำงานก็คือทำงาน พักผ่อนก็คือพักผ่อน มีเส้นแบ่งที่ค่อนข้างชัดเจน แต่สำหรับพวก Millennials อาจใช้เวลางานเล็กน้อยในการรวมทีมเฉพาะกิจเพื่อเล่นฟุตบอลในช่วงบ่ายวันศุกร์ โดยเปิดกว้างพอที่จะทำงานที่บ้านด้วย
ซึ่งมีผลสำรวจที่ลงพื้นที่สัมภาษณ์ชาวสหรัฐฯ กลุ่ม คนยุคมิลเลนเนียล ราว 5,600 คน ส่วนมากระบุว่า เสพติดการทำงาน มากกว่าเจอเนอเรชั่นอื่นๆ เพราะพวกเขามี Passion และทุ่มเท โดยมี Millennials 24% ที่ไม่ใช้สิทธิ์ลาพักร้อน เมื่อเทียบกับ Gen X ที่มี 19% และ Baby Boomers ที่มี 17%
-
เรียนรู้จากความล้มเหลว
คนยุคมิลเลนเนียลเป็นเจนเนอเรชั่นที่เติบโตมากับการใช้เวลาวัยเด็กในการเล่นวิดีโอเกมส์ ที่ความล้มเหลวหมายถึงโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ และทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขายอมรับได้ หากจะล้มเหลวในการทำงาน เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมงานในเจนเนอเรชั่นเก่า และยังหมายถึงความกล้าที่จะรับงานในโปรเจกต์ใหม่ แม้ไม่แน่ใจก็ตามว่าจะสำเร็จ แต่ก็ยังพยายามทำอย่างสุดความสามารถ
-
ทลายขีดจำกัดที่สร้างขึ้นเอง
คนยุคมิลเลนเนียลไม่ตีกรอบให้ตัวเองว่าทำได้แค่ไหน หรือไม่สามารถไปได้ไกลกว่านี้ เพราะเท่ากับเป็นการแช่แข็งไม่พัฒนาศักยภาพตัวเอง เช่น คนในเจนเนอเรชั่นก่อนหน้านี้มักกล่าวเมื่อมีปัญหาและล้มเหลวว่า “ทำเต็มที่แล้ว ได้เท่านั้นแหละ” หรือ “คนรวยมักมีโอกาสมากกว่าคนจน” หรือ “ต้องเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ถึงประสบความสำเร็จ” การคิดแบบนี้คือ Fixed Mindset เชื่อแบบนี้ไม่ต้องพัฒนาไปไหนกันแล้ว
ขณะที่ Millennials มีกระบวนการคิดแบบ Growth Mindset เชื่อว่าทำได้ เชื่อในศักยภาพของคน เชื่อว่าคนเราพัฒนาเปลี่ยนแปลงได้ และทะลายขีดจำกัดของตัวเอง
-
สามารถทำงานได้แบบ Multitasking
คนยุคมิลเลนเนียลสามารถทำงานได้แบบมัลติทาสกิ้ง (Multitasking) สมองของ คนยุคมิลเลนเนียลคือชีวิต ขณะที่ล้มหายใจคือเทคโนโลยี ดังนั้น คนยุคมิลเลนเนียลสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้อย่างหลายสิบอย่าง ทำงานด้วยความสามารถหลากหลายด้าน คิดเร็ว ประมวนเร็ว ทนได้กับสภาวะซับซ้อนหนักๆ ได้
Customerinsight.asia ร่วมเพิ่มโอกาสให้คุณรู้จักผู้ใช้ Facebook ให้มาก รู้ให้ลึก และรู้ให้จริง ด้วย Thailand Facebook Users Insights 2018 … Big Mid Year Promotion กระหน่ำกลางปี ด้วยส่วนลดมากกว่า 90% จากปกติราคาเล่มละ 5,000 บาท เหลือเพียง 499 บาท (รวม Vat 7% เป็นเงิน 533.93 บาท) …
สำหรับผู้ที่ไม่ประสงค์ซื้อ e-Book Thailand Facebook Users Insights 2018 ฉบับสมบูรณ์ทั้งเล่ม ยังสามารถเลือกซื้อ e-Book ดังกล่าวตามหมวด หรือกลุ่มความสนใจที่ต้องการได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
วิธีสั่งซื้อ และชำระเงิน
1. โอนเงินค่า e-Book Thailand Facebook Users Insights 2018 เล่มที่ต้องการ ตามราคา รวม Vat7%
- บัญชีออมทรัพย์ นายอุดมธิปก ไพรเกษตร
- ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 206 – 271730 – 2 หรือ - ธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 034 – 8 – 41256 – 6
2. ส่งข้อมูล
- ชื่อ e-Book Thailand Facebook Users Insights 2018 เล่มที่สั่งซื้อ
- e-Mail ของคุณ เพื่อใช้รับ e-Book Thailand Facebook Users Insights 2018
- แนบ Slip Pay-in จัดส่งข้อมูลกลับมาที่ (ทางใด ทางหนึ่ง)
- Facebook Messenger : Facebook.com/customerinsight.asia
- @Line : @customerinsight
- e-Mail : [email protected]
3. รับ Link URL พร้อมรหัสเปิด e-Book Thailand Facebook Users Insights 2018 ที่สั่งซื้อ จาก [email protected]